วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ไร่ชาที่คาเมรอน-ไฮแลนด์

ที่เที่ยวมาเลเซียไม่ได้มีแค่มัสยิดเท่านั้นแต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงามอีกด้วย นั่นคือ ไร่ชาที่คาเมรอน ไฮแลนด์


ไร่ชาคาเมรอน ไฮแลนด์


ดูข้อมูลเพิ่มเติม : ไร่ชาคาเมรอน ไฮแลนด์




คาเมรอน ไฮแลนด์



อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐปาหัง   มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,500 เมตรบนไร่ชามีจุดชมวิวและจุดถ่ายรูปที่มีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม บนที่ราบภูเขาสูงแห่งนี้ยังมีไร่สตอเบอรี่ หมู่บ้านสไตล์อังกฤษและสวนดอกไม้นานาพันธุ์อีกด้วย       บนที่ราบสูงมีเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่เช่น ริงเกล็ต ทานาห์ราตา บรินชาง ตริงกัป กัวลาเตอร์ลา และกัมปงรายา หนึ่งกิจกรรมยอดนิยมในคาเมรอน ไฮด์แลนด์ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมที่นี่ก็คือ การจิบชาและกินขนมสโคน ธรรมเนียมในแบบอังกฤษนี้เริ่มต้นขึ้นในสมัยที่มาเลเซียเป็นประเทศอาณานิคมของอังกฤษ

สามารถไปเที่ยวไร่ชาได้ทั้งปี แต่ช่วงที่ฝนตกเยอะคือประมาเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวเย็นสุดในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์

ไร่ชาคาเมรอนตั้งอยู่ที่รัฐปาหัง ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ห่างจากเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 200 กิโลเมตร และสามารถขับรถมาจากเมืองกัวลาลัมเปอร์โดยใช้เวลาเพียง 3.5 ชั่วโมงเท่านั้น


วิธีการเดินทาง: คาเมรอน ไฮแลนด์ไปได้แค่ทางรถเท่านั้น 

-  รถยนตร์ส่วนตัว

เส้นทางที่คนนิยมไปกันจากกัวลาลัมเปอร์คือเส้นทางซิมปังปูลัย หากขับรถขึ้นมาจากกัวลาลัมเปอร์และออกจากทางหลวงที่ด่านซิมปังปูลัยเพื่อไปยังทางเหนือของทาปาห์โดยใช้ทางด่วนสายเหนือ-ใต้ จะใช้เวลาเพิ่มขึ้นประมาณ 45 นาที เส้นทางนี้ขับขี่ได้ง่ายและอันตรายน้อยกว่าเส้นทางจากทาปาห์อย่างมาก

-  รถโดยสาร

นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถประจำทางหรือรถแท็กซี่ โดยขึ้นรถที่สถานีปูดูรายาในกัวลาลัมเปอร์ รถจะพาไปยังทานาห์ราตา หรืออาจนั่งรถไฟไปยังทาปาห์ จากนั้นต่อรถแท็กซี่่หรือรถประจำทางอีกต่อหนึ่ง

ช่วงเวลาที่ควรไป: คาเมรอน ไฮแลนด์ มีอากาศเย็นสบายตลอดปี แต่ช่วงที่ฝนตกเยอะคือประมาเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวเย็นสุดในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์

พักที่ไหนดี: ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศจึงมีที่พักให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้งโรงแรม โฮมสเตย์ เกสต์เฮ้าท์ บังกะโล สามารถเลือกพักได้ตามความต้องการ

วีซ่า: ถ้ามาเที่ยวที่ประเทศมาเลเซีย ไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า






เมื่อคุณเดินทางไปยังคาเมรอน ไฮแลนส์ รีสอร์ทบนที่ราบสูงขนาดใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย คุณจะได้สัมผัสและได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่แสนน่ารัก เยี่ยมชมฟาร์มผีเสื้อ ไร่สตรอเบอร์รี และฟาร์มน้ำผึ้ง เหยียดแขนขาในไร่ชา หรือรับประทานอาหารแสนอร่อยที่โรงแรมสไตล์ทิวดอร์ในชนบท ทั้งหมดนี้คือกิจกรรมพักผ่อนที่แสนผ่อนคลายที่คุณสามารถสัมผัสได้ที่นี่ 


หนึ่งกิจกรรมยอดนิยมในคาเมรอน ไฮด์แลนด์ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมที่นี่ก็คือ การจิบชาและกินขนมสโคน ธรรมเนียมในแบบอังกฤษนี้เริ่มต้นขึ้นในสมัยที่มาเลเซียเป็นประเทศอาณานิคมของอังกฤษ นายทหารชาวอังกฤษใช้ที่ราบสูงแห่งนี้เป็นสถานที่ผ่อนคลายจากอากาศร้อนในเมืองด้านล่าง กิจกรรมอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมได้แก่ การเดินป่าและการดูนก





ชมสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ อีกเพียบได้ที่  govivigo.com

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

มัสยิดคริสตัลยามเย็น





ประเทศมาเลเซียมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมัสยิดเป็นจำนวนมาก  เราจึงรวบรวมข้อมูลมัสยิดไม่ควรพลาดซึ่งมีชื่อว่า 'มัสยิดคริสตัล' มาฝากไปชมกันเลยย







มัสยิดคริสตัล



ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่  มัสยิดคริสตัล




ประวัติ:




มัสยิดคริสตัล เป็นชื่อที่ใช้เรียก มัสยิด ตามัน ตามันดู อิสลาม (Taman Tamadun Islam) แห่งเมืองกัวลาร์ตรังกานู เมืองหลวงของรัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำตรังกานู (สุไหง-ตรังกานู) โดยมัสยิดดังกล่าว สร้างจากเหล็ก ,แก้ว และคริสตัลเท่านั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างตลอดทั้งวัน ทั้งคืน วันละ ๒๔ ชั่วโมง ต่อเนื่องกันทุกวัน เป็นเวลา ๒ ปี จึงสร้างเสร็จ ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง ๒ หมื่นล้านริงกิต (๑ ริงกิต เท่ากับ ๑๐ บาท) และได้มีการเฉลิมฉลอง เปิดมัสยิดคริสตัล ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชมเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์๒๕๕๑




มัสยิดคริสตัล


มัสยิดคริสตัลเป็นหนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดในมาเลเซีย และถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวตรังกานู เพราะที่นี่ ไม่ได้เป็นแต่เพียงมัสยิด แต่สามารถใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมและบริเวณโดยรอบ มีสวนสาธารณะกลางน้ำขนาดใหญ่ เป็นดัสวนแห่งการศึกษาเรียนรู้เรื่องราวของชาวมุสลิมทั่วโลก โดยได้มีการรวบรวมมัสยิด และหอคอย ที่มีความสำคัญจากประเทศต่าง ๆ รวม  ๒๑ ประเทศ มาสร้างจำลองรวมไว้บนเกาะลอยแห่งนี้ เปิดโอกาสให้ชาวมุสลิมและนักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถสัมผัสความงดงาม และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของมัสยิดและหอคอยแต่ละแห่ง โดยมีบริการรถไฟขนาดเล็ก นำนักท่องเที่ยวชมเมืองจำลองนี้


ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ริมแม่น้ำตรังกานู,เมืองกัวลาร์ตรังกานู,ประเทศมาเลเซีย

วิธีเดินทาง: เดินทางโดยรถยนต์ จากหาดใหญ่, สงขลา ผ่านด่านสะเดา ใช้เส้นทางผ่านเมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ระยะทาง 478 กม. และจากรัฐกลันตัน สู่รัฐตรังกานูระยะทาง 160 กม

จะเปิด  วันจันทร์-พฤหัส เปิด 10:00 น.-19:00 น. , ศุกร์,เสาร์,อาทิตย์และวันหยุดพิเศษ เปิด 9:00 น.-19:00 น.

ถ้าไปเที่ยวไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า




ดูสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆอีกเพียบได้ที่นี่  govivigo

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เทศกาลญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อนที่ไม่ควรพลาด







ใกล้เข้าช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นกันเข้ามาทุกทีแล้ว   เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน เพราะเป็นช่วงที่มีการจัดงานเทศกาล    ซึ่งส่วนใหญ่เทศกาลญี่ปุ่นจะมีอายุเก่าแก่เป็นร้อยๆปี ใครได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนนี้ ต้องไม่พลาดไปสนุกกับบรรยากาศเทศกาลชื่อดังของจังหวัดต่างๆ ที่เรานำมาฝากไปชมกันเลยยย 












1.  Gion Matsuri


ประวัติ:
เมื่อสมัยศตวรรษที่ 869 ที่เคียวโตะเคยเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายมากมายเป็นจำนวนมากประชาชนแถบเกียวโตไม่มีที่พึ่งทางใจ จึงจัดขบวนแห่บูชาเทพเจ้าในลัทธิชินโตและมีการปล่อยสิ่งที่เรียกว่าโฮโกะและยามะลงสู่แม่น้ำด้วย หลังจากนั้นโรคระบาดที่ว่าก็หายไป เทศกาลดังกล่าวก็เลยยังถูกจัดขึ้นเพื่อฉลองเป็นประจำทุกปีมาจนถึงปัจจุบัน

"เทศกาลกิอง" เป็นงานเทศกาลขนาดใหญ่ จัดขึ้นโดยศาลเจ้ายะสะกิ จินจะจัดพร้อมกับงานเทศกาลอื่นๆ อีกมากกว่า 30 งานในเดือนกรกฎาคม เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลในช่วงหน้าร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกียวโต ไฮไลท์ของเทศกาลนี้คือ "ยะมะโฮะโคะ จุงโค" ในงานจะมีขบวนแห่รถลากตกแต่งตระการตามากกว่า 30 ขบวน เทศกาลนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของยูเนสโก   ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 1 - 31 กรกฎาคมของทุกปี  เทศกาลกิองจัดขึ้นที่  จังหวัดเกียวโต  


Gion Matsuri




2. Morioka Sansa Odori Festival



Morioka Sansa Odori Festival



ขบวนพาเหรดขนาดใหญ่ประกอบไปด้วยนักร่ายรำและนักดนตรี (ขลุ่ยและกลองไทโกะ) รวมกว่า 35,000 ชีวิต แต่งกายด้วยชุดญี่ปุ่นหลากสีสัน ในวันสุดท้ายของงานจะมีการแสดงวะไดโกะ ซึ่งเป็นขบวนพาเหรดไทโกะที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะร่วมเดินขบวนด้วย จุดเริ่มต้นขบวนพาเหรดอยู่บริเวณศาลาว่าการเมืองอิวาเตะ ยาวไปตลอดถนนกว่า 1 กิโลเมตร   
"เสียงกลองไทโกะรวม 13,000 ตัวอันกึกก้องพร้อมเพียง จากขบวนพาเรดของผู้มีใจเดียวกันกว่า 30,000 คน ที่ต่างพร้อมใจกันสวมชุดยูกาตะออกมาร้องเล่นเต้นรำด้วยกัน ซึ่งเคยถูกบันทึกไว้ใน Guinness World Records มาแล้ว"      สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเทศกาล โมริโอกะซันซะโอโดริ (Morioka Sansa Odori) เป็นภาพประทับใจที่คุณจะได้เห็นการรวมใจครั้งสำคัญของชาวญี่ปุ่นคือ การแสดงฟ้อนรำตีกลองไทโกะ รวม 13,000 ตัว ขลุ่ยผิว 2,000 เลา จากผู้ร่วมขบวนกว่า 30,000 คน ร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลแห่งการเปิดรับความสุขครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งเคยถูกยกให้เป็นขบวนพาเหรดกลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดย Guinness World Records อีกด้วย

 ซึ่งงานจัดขึ้นวันที่ 1 - 4 สิงหาคมของทุกปี    ที่ถนน Chuo-dori, โมริโอกะ, อิวาเตะ



3.Miyajima Kangensai Festival 




Miyajima Kangensai Festival 




เทศกาลล่องเรือประจำปีแด่เทพเจ้าของศาลเจ้าอิสึคุชิมะ  เป็น สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของฮิโรชิมะ จะมีการจัดงานเทศกาล Miyajima Kangen-sai Festival  เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญของพิธีกรรมทางเรือที่ญี่ปุ่น โดยมีการรำราชสำนักประกอบดนตรีที่เล่นจากขลุ่ย กลองและเครื่องสายญี่ปุ่น โดยในวันงานจะมีการตกแต่งประดับประดาเรือซึ่งลอยอยู่บนผืนน้ำอย่างสวยงาม และบนเรือก็จะมีการแสดงการเล่นเครื่องดนตรีโบราณที่บรรเลงโดยนักดนตรีในเครื่องแต่งกายของชนชั้นขุนนางในสมัยเฮอัน 
 เทศกาลจะจัดขึ้นในวันขึ้น 17 ค่ำเดือน 6 ของทุกปี    ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม - ต้นเดือนสิงหาคม    ที่ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ, จังหวัดฮิโรชิมะ


4.Aomori Nebuta Matsuri



Aomori Nebuta Matsuri 



เป็นเทศกาลที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมพื้นบ้านที่สำคัญของญี่ปุ่น ในช่วงเทศกาลจะมีผู้มาเที่ยวชมมากกว่า 3 ล้านคน ไฮไลท์ของงานคือขบวนพาเหรดโคมไฟเนบูตะที่ตกแต่งอย่างสวยงามอลังการสุดๆ พร้อมด้วยขบวนกลองไทโกะและขลุ่ยฮายาชิเพิ่มความสนุกสนานให้งานเทศกาล  ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 2 - 7 สิงหาคมของทุกปี จัดที่บริเวณถนนหลวงหมายเลข 4 เมืองอาโอโมริ




5.Akita Kanto Matsuri




Akita Kanto Matsuri 

ทุกๆ ปีผู้ชมเทศกาลกว่า 1 ล้านคนจะได้สนุกสนานและตื่นเต้นไปกับขบวนแห่โคมไฟที่ทรงตัวอยู่บนไหล่ หน้า มือหรือสะโพกของผู้แห่ โคมคันโตมีหลายขนาด เป็นโคมกระดาษ 46 โคมที่ผูกติดอยู่กับเสาไม้ไผ่ยาว 8 -12 เมตร หนักสูงสุดกว่า 60 กิโลกรัมทีเดียว งานเทศกาลมีทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ไฮไลท์จะอยู่ในช่วงกลางคืนที่มีนักแสดงพร้อมโคมคันโตกว่า 200 โคมออกมาร่วมแสดงกันบนถนนเป็นพาเหรดยาวกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 3 - 6 สิงหาคมของทุกปี  จัดขึ้นที่ถนน Chuo-dori, อาคิตะ



6.Sendai Tanabata Festival




Sendai Tanabata Festival



เทศกาลเซนไดทานาบาตะมัตสึริ(Sendai Tanabata Matsuri) หรือเทศกาลแห่งดาว จะจัดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 7 เดือน 7 เป็นประจำทุกปี ซึ่งตามตำนานจีนเชื่อว่าในวันนั้นดาวสองดวง Altair และ Vega จะโคจรมาเจอกัน แต่เนื่องจากความแตกต่างระหว่างปฏิทินจันทรคติและปฏิทินสุริยคติ เทศกาลทานาบาตะแบบทันสมัยจะจัดขึ้นในเดือนกรกฏาคมหรือสิงหาคม

ในเมืองเซนได เทศกาลทานาบาตะจะจัดขึ้นในวันที่ 6 เดือนสิงหาคมเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นหนึ่งในการเฉลิมฉลองเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น(ร่วมกับเทศกาลคันโตะมัตสึริ ที่เมืองอากิตะ และเทศกาลเนบูตะมัตสึริ ที่เมืองอาโอโมริ ซึ่งเป็น 3 เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ประจำภูมิภาคโทโฮคุ)

การเฉลิมฉลองจะเกิดขึ้นทั่วทั้งย่านดาวน์ทาวน์ในเซนได จุดเด่นของงานคือสายรุ้งหลากสีที่ประดับประดาไว้ตามศูนย์การค้าต่างๆ สายรุ้งแต่ละอันมีความยาวประมาณ 3-5 เมตร ซึ่งเป็นงานฝึมือจากร้านค้า โรงเรียน และกลุ่มประชาชน โดยใช้กระดาษวาชิ(washi paper) และไม้ไผ่

7.Awa Odori


Awa Odori



เทศกาลระบำงานบงโอะโดะริ เทศกาลดนตรีและเต้นรำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นงานบงโอะโดะริที่ยิ่งใหญ่ติดหนึ่งในสามของญี่ปุ่น มีการร่ายรำท่าที่เรียกว่า Awa Odori ประกอบเสียงเพลงของเครื่องดนตรีญี่ปุ่นอย่างซามิเซ็น กลองไทโกะ ขลุ่ยชิโนบุเอะ ทั้งกลางวันและกลางคืน นักท่องเที่ยวสามารถร่วมเต้นรำไปพร้อมกับๆ ขบวนได้    เทศกาลระบำอะวะเป็นงานบงโอะโดะริที่ใหญ่หนึ่งในสามของญี่ปุ่น
จัดขึ้นที่จังหวัดโทะกุชิมะ มีการร่ายรำท่าที่เรียกว่า Awa Odori ประกอบเสียงเพลงทั้งกลางวันและกลางคืน นักท่องเที่ยวร่วมเต้น Awa Odori ไปพร้อมกับๆขบวนได้ ท่าเต้นจำง่ายและสนุก  

ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 12 - 15 สิงหาคมของทุกปี ที่ เมืองโทคุชิมะ


8. Miyajima Water Fireworks Festival 








หนึ่งในเทศกาลพลุในช่วงหน้าร้อนที่สวยงามของเมืองมิยาจิมะ พลุกว่า 5,000 ดอกจะถูกจุดขึ้นจากน้ำ บริเวณประตูโทริอิกลางน้ำของศาลเจ้าอิสึคุชิมะ  Miyajima-on-the-Sea-การแสดงดอกไม้ไฟที่มีการจัดเจ็ดฉากที่งดงามมีความสอดคล้องกับรูปแบบในแต่ละปี. 
  การแสดงดอกไม้ไฟที่มีการตั้งค่าให้ตรงกับภาพสำหรับแต่ละฉากซึ่งเป็นศูนย์กลางในการเล่นดอกไม้เพลิงที่น่าสนใจในน้ำ. 
  กว่า 300,000 ผู้เข้าชมเพลิดเพลินไปกับ การแสดงดอกไม้ไฟทุกปี ฉากกับ O-Torii ประตูเงาตามความสว่างของดอกไม้ไฟดึงดูดพันของผู้ที่ชื่นชอบรูปภาพ. 
  Miyajima น้ำดอกไม้ไฟเทศกาลเป็นหนึ่งในการแสดงดอกไม้ไฟที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
             เป็นภาพสวยๆ ที่หาชมไม่ได้จากที่อื่น  ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 11 สิงหาคม 2016 เวลา 19:40 - 20:40  ที่ริมฝั่งทะเลบริเวณประตูโทริอิ, ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ


9.Yamaga Tourou Matsuri (Yamaga Lantern Festival)





Yamaga Tourou Matsuri (Yamaga Lantern Festival)


งานจะจัดขึ้นบริเวณศาลเจ้าโอมิยะ เป็นหนึ่งในสามเทศกาลไฟฤดูร้อนที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดคุมาโมโตะ คืนแรกจะมีการจุดพลุกว่า 4,000 ดอกที่ริมแม่น้ำกิกุชิงาวะและในวันที่สองของงาน หญิงสาว 1,000 คนจะแต่งกายด้วยชุดกิโมโนพร้อมสวมโคมไฟเงินไว้บนศีรษะและร่ายรำกันตลอดคืน  ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 15 - 16 สิงหาคม ที่เมืองยามางะ  จังหวัดคุมาโมโตะ
              สถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ การตกแต่งโคมไฟในรูปทรงของศาลเจ้าและปราสาทบนท้องถนนทั่วเมืองประกาศการเปิดตัวของเทศกาลเต้นรำและดำเนินการในหลายส่วนของเมืองโดยนักเต้นในประเภทเดียวกันของกิโมโนที่สวมใส่ พิธีปิดเมื่อโคมไฟมีการเสนอให้ Omiya ศาลเจ้าในคำอื่น ๆ กับพระเจ้าซึ่งจะมีขึ้นเพียงแค่ในเวลาเที่ยงคืนวันที่ 17 ไม่ควรพลาด อีกเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นคือดอกไม้ไฟแสดงในตอนเย็นของวันที่ 15 เมื่อประมาณ 4,000 ดอกไม้ไฟจะเปิดตัวจาก Kikuchigawa River Terrace




ดูสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆเพิ่มเติมได้ที่  govivigo

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เกาะคาปาลัยสวรรค์ของนักดำน้ำ





       วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวประเทศมาเลเซียกัน  ซึ่่งประเทศมาเลเซียขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของทะเลวันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวมาฝากสำหรับคนที่ชื่นชอบการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ  ไปชมกันเลย




เกาะคาปาลัย



ดูข้อมูลอื่นเพิ่มเติมที่  เกาะคาปาลัยสวรรค์ของนักดำน้ำ



เกาะคาปาลัย (Kapalai) 


เป็นแหล่งดำน้ำตามพื้นทรายที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่ง  เป็นเกาะเล็กๆ ซึ่งเป็นแหล่งที่พักใกล้กับเกาะสิปาดันอีกแห่งหนึ่ง      อยู่ตรงกลางระหว่างเกาะมาบูลและสิปาดัน   หรือถ้าหากใครอยากไปดำน้ำที่สิปาดันสามารถพักรีสอร์ทที่นี่ได้

ซึ่งเกาะคาปาลัยอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเลย  โดยเราสามารถเดินทางจากประเทศไทยไปเกาะคาปาลัยได้หลายวิธีคือ

-  ขึ้นเครื่องบินจากประเทศไทย ไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ แล้วต่อไปยังตาเวา รวมเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

-  ขึ้นเครื่องบินจากประเทศไทย ไปเปลี่ยนเครื่องที่โกตาคินาบาลู แล้วต่อไปยังตาเวา รวมเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที

แล้วนั่งรถไปท่าเรือ Samporna ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง เพื่อลงเรือ speedboat ไปยังเกาะคาปาลัย




ดำน้ำชมปลาหายาก



 เกาะคาปาลัยนั้นมีความสวยงามทั้งบนและใต้น้ำไม่แพ้เกาะอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะการดำน้ำชมปลาแปลกๆ ปลาหายาก และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเกาะที่นักดำน้ำนิยมมาเที่ยวชมโลกใต้น้ำกันที่บริเวณเกาะแห่งนี้



เกาะสิปาดัน  



เกาะสิปาดัน




เป็นเกาะที่มีทะเลใส ปะการังมากมาย หลากหลายสัตว์ใต้ทะเล ซึ่งสิปาดันไม่ไกลจากประเทศไทย   ซึ่งที่เกาะแห่งนี้ มีโลกใต้น้ำที่เต็มไปด้วยปะการังและสัตว์ทะเลนานาชนิด และที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากเมืองไทย    




เกาะสิปาดัน
ดำน้ำชมปลา



เกาะมาบูล




เกาะมาบูล


ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะสิปาดัน และเป็นที่ตั้งของที่พักนักท่องเที่ยวมากมาย ชายหาดที่เกาะแห่งนี้มีความสวยงามและสามารถลงเล่นน้ำทะเลได้โดยรอบ ที่สำคัญบริเวณรอบๆ เกาะแห่งนี้ยังโอบล้อมไปด้วยทิวแถวของปะการังแข็งจำนวนมาก สามารถดำน้ำชมได้ตั้งแต่ระดับตื้นลงไปเรื่อยๆ และสามารถพบเห็นฝูงปลาทะเลสีสันสดใสได้จากผิวน้ำลงไปยังเขตปะการัง




ชมสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆเพิ่มเติมได้ที่  govivigo


วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

พาเที่ยวมัสยิดปุตรา ประเทศมาเลเซีย







มัสยิดปุตรา





ดูข้อมูลเพิ่มเติม มัสยิดปุตรา


วันนี้จะมาท่องเที่ยวประเทศมาเลเซียกัน เราจึงรวบรวมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดซึ่่งมีชื่อว่า มัสยิดปุตรา มาฝากไปชมกันเลยย


ข้อมูลท่องเที่ยวปุตราจายา (Putrajaya)

ปุตราจายา (Putrajaya) เป็นเมืองใหม่ เกิดขึ้นจากแนวความคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่จะสร้างเมืองเพื่อเป็นที่ตั้งของฝ่ายบริหารและประมุขของประเทศ อยู่ทางตอนใต้ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ มีพื้นที่ราว 4,932 เฮกเตอร์
• ส่วนประกอบสำคัญของเมืองได้แก่ทะเลสาบที่สร้างขึ้นโดยการขุด จึงทำให้เมืองปุตราจายามีภูมิทัศน์ที่สวยงาม และมีสะพานที่ออกแบบอย่างสวยงามถึง 5 สะพาน
• ปุตราจายา เป็นเขตปกครองพิเศษ สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองแห่งใหม่อยู่บนพื้นที่ของรัฐสลังงอร์ อยู่ห่างไปจากกัวลาลัมเปอร์ทางทิศใต้ 25 กิโลเมตร ชื่อ “ปุตราจายา” นี้มาจากชื่อนายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย นามว่า “ตนกู อับดุล รามัน ปุตรา อัลฮัจ”
• Putrajaya Sentral เขตเมืองใหม่แห่งนี้มีศูนย์กลางการคมนาคม คล้ายกับ KL Sentral ในกัวลาลัมเปอร์นั่นเอง
• สถานที่สำคัญในเมืองนี้มี มัสยิดปุตรา (Putra Mosque) หรือมัสยิดสีชมพู มีทะเลสาบด้านข้างมัสยิดซึ่งสามารถมองเห็นเงาสะท้อนสีชมพูที่ผิวน้ำจนดูเหมือนมัสยิดลอยน้ำ และที่ริมทะเลสาบยังมีสะพานเสรีวาวาซาน (Seri Wawasan) สะพานขึงรูปร่างแปลกตาอีกด้วย ด้านหน้าของมัสยิดปุตรา คือ ปุตราสแควร์ (Putra Square) ลานกว้างแห่งนี้มีรูปดาว 13 แฉก หมายถึงรัฐทั้ง 13 ของมาเลเซีย มีธงของแต่ละรัฐตั้งอยู่ตามแฉกต่าง ๆ ตรงกลางเป็นธงชาติมาเลเซีย และสถานที่อีกแห่งคือ ที่ทำการนายกรัฐมนตรี (Perdana Putra Complex) เป็นอาคารขนาดใหญ่มียอดโดมสีฟ้า ด้านหลังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตรงกลางสวนเป็นที่ตั้งของวังเมลาวาตี (Istana Melawati)



มัสยิดปุตรา



มัสยิดปุตรา (Putra Mosque) หรือมัสยิดสีชมพูเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ริมทะเลสาบปุตราจายา ด้านหน้าของมัสยิดปุตรา คือ ปุตราสแควร์ (Putra Square) ลานกว้างแห่งนี้มีรูปดาว 13 แฉกหมายถึงรัฐทั้ง 13 ของมาเลเซีย มีธงของแต่ละรัฐตั้งอยู่ตามแฉกต่างๆ โดยตรงกลางเป็นธงชาติมาเลเซีย ภายในยังมีห้องสมุด แกลเลอรี และพิพิธภัณฑ์ให้ชมอีก


ทะเลสาบ




มีทะเลสาบด้านข้างมัสยิดซึ่งสามารถมองเห็นเงาสะท้อนสีชมพูที่ผิวน้ำจนดูเหมือนมัสยิดลอยน้ำ และที่ริมทะเลสาบยังมีสะพานเสรีวาวาซาน (Seri Wawasan) สะพานขึงรูปร่างแปลกตาอีกด้วย ด้านหน้าของมัสยิดปุตรา คือ ปุตราสแควร์ (Putra Square) ลานกว้างแห่งนี้มีรูปดาว 13 แฉก หมายถึงรัฐทั้ง 13 ของมาเลเซีย มีธงของแต่ละรัฐตั้งอยู่ตามแฉกต่าง ๆ ตรงกลางเป็นธงชาติมาเลเซีย และสถานที่อีกแห่งคือ ที่ทำการนายกรัฐมนตรี (Perdana Putra Complex) เป็นอาคารขนาดใหญ่มียอดโดมสีฟ้า ด้านหลังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตรงกลางสวนเป็นที่ตั้งของวังเมลาวาตี (Istana Melawati)


สามารรถเดินทางได้หลายทาง เช่น

โดยรถประจำทาง

-  รถประจำทาง Parkmay (Cityliner สาย 868) จะมาทุกๆ 20 นาที โดยจะผ่านซินาโคตา - โคมูเตอร์ เซอร์ดัง - ปุตราจายา - ไซเบอร์จายา

-  รถประจำทาง Sepang Omnibus (สาย 536B) มาทุกๆ 3 ชม. โดยจะผ่านเซปัง - บันติง - เดงกิล - ไซเบอร์จายา - ปุตราจายา

-  รถประจำทาง Kelang-Banting (สาย 131) มาทุกๆ 2 ชม. โดยจะผ่านเส้นทาง เคลัง-บันติง - เดงกิล - ไซเบอร์จายา - ปุตราจายา

-  รถประจำทาง Sum Omnibus (สาย 186) มาทุกๆ 1-2 ชม. โดยเริ่มที่สถานีคาจัง ยูนิเทน-ปุตราจายา และไซเบอร์จายา

(นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถประจำทางปุตราจายา อินเทอร์นัล นาดิ ปุตรา โดยจ่ายในราคา 50 เซ็นต์/เที่ยว)

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

การแต่งกาย:

ผู้ชายต้องสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงยาว

ผู้หญิงสวมกางเกงขายาว และจะมีเสื้อคลุมให้สวมทับ โดยเสื้อคลุมจะมีให้อยู่ที่บริเวณทางเข้า


เวลาเปิด - ปิด: เปิดทุกวันแต่สามารถเข้าชมได้เป็นรอบๆ ตามเวลาดังนี้

วันเสาร์ - วันพฤหัสบดี เวลา 9:00 - 12:30 / 14:00 - 16:00 / 17:30 - 18:00

วันศุกร์ 15:00 - 16:00 / 17:30 - 18:00


ดูสถานที่สวยๆเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.govivigo.com/